กาต้มน้ำไฟฟ้า กี่วัตต์กินไฟเท่าไหร่ เรื่องง่ายๆสายชงต้องรู้

กาต้มน้ำไฟฟ้ากินไฟมากไหม ใช้อย่างไรให้ประหยัดไฟ

คุณเคยนึกเล่น ๆ ไหมว่าหากวันหนึ่งโลกนี้ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ใช้ ชีวิตของคุณจะยากลำบากมากขนาดไหน? เพราะสิ่งเหล่านี้มักให้ความสะดวกสบายกับการใช้ชีวิตแบบไม่รู้จบ ดังนั้นหลายคนจึงพยายามเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อร่นเวลาให้กับสถานการณ์ที่เร่งรีบและให้ตอบโจทย์การใช้งานเสมอ แน่นอนว่ากาต้มน้ำไฟฟ้าจะต้องเป็นหนึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นโปรดของหลายบ้าน โดยจุดเด่นของอุปกรณ์ชิ้นนี้คือจะมีระบบเปิดปิดการทำงานแบบอัตโนมัติ ต้มน้ำให้เดือดได้ในระยะเวลาอันสั้น ที่สำคัญยังปลอดภัยและสะดวกกว่าการต้มน้ำด้วยเตาแก๊สแบบทั่วไป

กาต้มน้ำไฟฟ้าไม่เพียงแต่จะช่วยรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มได้อย่างเดียว แต่ยังเหมาะสำหรับการเนรมิตอาหารจานด่วน เช่น โจ๊ก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซุป หรืออาหารปรุงรสต่าง ๆ ได้อีกด้วย แต่ด้วยการใช้งานที่สะดวกและต้องพึ่งพาการใช้ไฟฟ้าแบบ 100% เลยทำให้หลายคนสงสัยว่าจริง ๆ แล้วกาต้มน้ำไฟฟ้า กี่วัตต์กินไฟเท่าไหร่ หากใช้งานบ่อย ๆ จะทำให้ค่าไฟในบ้านบานปลายหรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบจากกระทรวงพลังงานมาฝากกัน

กาต้มน้ำไฟฟ้า กินไฟเท่าไหร่?

สำหรับใครที่เป็นคอกาแฟคงจะรู้ว่ากาต้มน้ำไฟฟ้าเป็นไอเทมสำคัญที่ขาดไม่ได้ แล้วในช่วงนี้ต้องทำงานกันแบบ Work From Home ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้สำคัญมากขนาดไหน โดยเรื่องนี้ทางกระทรวงพลังงานได้ออกมาให้ข้อมูลผ่านทางเพจเฟซบุ๊กกระทรวงพลังงานว่า กาต้มน้ำไฟฟ้าส่วนใหญ่จะใช้กำลังไฟอยู่ที่ประมาณ 500 – 750 วัตต์ ดังนั้นหากมีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง จะสามารถคำนวณได้ว่าในแต่ละครั้งอาจเสียค่าไฟอยู่ที่ 2 – 3 บาทต่อชั่วโมง

กาต้มน้ำไฟฟ้า กินไฟเท่าไหร่ ใช้ยังไงไม่ให้เปลือง
กาต้มน้ำไฟฟ้า กินไฟเท่าไหร่ ใช้ยังไงไม่ให้เปลือง

นอกจากนี้ทางกระทรวงพลังงานยังได้แนะวิธีการที่ช่วยให้สายชงแต่ละบ้านประหยัดไฟมากขึ้น หากจำเป็นต้องมีการใช้กาต้มน้ำไฟฟ้าเป็นประจำทุกวัน ดังนี้

  1. ก่อนอื่นให้เริ่มจากการเลือกซื้อกาต้มน้ำไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่ช่วยการันตีเรื่องความประหยัดไฟและความมีคุณภาพ
  2. เมื่อต้องการต้มน้ำให้ใส่น้ำลงไปในปริมาณที่พอเหมาะกับความต้องการ ไม่น้อยจนเกินไป หรือมากเกินความพอดี เพราะจะทำให้เกิดการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ อีกทั้งการต้มน้ำปริมาณมากยังทำให้การใช้ไฟต้มน้ำนานขึ้นอีกด้วย
  3. สำหรับน้ำที่นำมาต้มแนะนำให้เป็นน้ำอุณหภูมิห้อง และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเย็น เพราะการต้มน้ำเย็นให้เดือดจะต้องใช้พลังงานที่มากกว่าปกติ
  4. เมื่อน้ำเดือดแล้วให้ถอดปลั๊กออกทันที เพื่อป้องกันปัญหาน้ำแห้งและการเปลืองค่าไฟ
  5. หมั่นทำความสะอาดหม้อต้มน้ำเป็นประจำ เพื่อป้องกันคราบตะกรันและลดประสิทธิภาพการทำงานเมื่อใช้ไปนาน ๆ

วิธีการดูแลรักษากาต้มน้ำไฟฟ้า


แม้ว่าข้อดีของกาต้มน้ำไฟฟ้าจะมีอยู่มากแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลย โดยเฉพาะเรื่องคราบสนิม ดังนั้นก่อนเลือกซื้อต้องดูวัสดุที่ใช้ทำอย่างละเอียด พยายามเลือกซื้อกาต้มน้ำไฟฟ้าที่ทำมาจากวัสดุที่ได้มาตรฐานและป้องกันสนิม นอกจากนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าแล้วเรื่องความอันตรายก็อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อเช่นกัน ด้วยเหตุผลนี้เราจึงรวบรวมวิธีการดูแลรักษากาต้มน้ำไฟฟ้าให้สามารถใช้งานได้นาน ทนทาน และปลอดภัยไม่เกิดอันตรายมาฝาก

  1. ไม่วางกาต้มน้ำไว้ในที่เปียก เพราะอาจทำให้เกิดไฟฟ้าช็อตและไฟฟ้าลัดวงจรได้
  2. หากมีน้ำเลอะตรงบริเวณกาต้มน้ำทั้งตรงตัวกา ฐาน และสายไฟ ต้องเช็ดทำความสะอาดให้แห้งก่อนการใช้งานเสมอ
  3. หมั่นเช็กสภาพสายไฟว่ายังอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่
  4. ใส่น้ำให้พอดีกับระดับขีดน้ำที่ระบุไว้ภายในหรือภายนอก เพื่อป้องกันการเดือดจนล้นและการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง
  5. ใช้น้ำสะอาดในการต้ม หลีกเลี่ยงการใส่ชาหรือกาแฟลงในหม้อต้มน้ำ เพื่อป้องกันคราบตะกรันสะสม
  6. หากมีคราบสกปรกภายในจะต้องล้างทำความสะอาดด้วยฟองน้ำ และห้ามใช้ฝอยขัดหม้อเด็ดขาด เพราะอาจทำให้สารเคลือบหลุดและเกิดรอยต่าง ๆ ได้
  7. หากไม่ใช่กาต้มน้ำที่มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ ต้องหลีกเลี่ยงการต้มน้ำทิ้งเอาไว้หรือต้มน้ำในปริมาณน้อย เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรที่สร้างความอันตรายได้

หากใครกำลังสงสัยว่าจะเลือกซื้อกาต้มน้ำไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดีให้ตอบโจทย์การใช้งาน แนะนำให้เลือกซื้อตามจุดประสงค์ของการใช้งาน ทั้งในเรื่องดีไซน์ ความจุ วัสดุที่ใช้ ระบบตัดไฟอัตโนมัติ ไปจนถึงฟังก์ชั่นเสริมการทำงาน ที่สำคัญอย่าลืมมองหาฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ทุกครั้ง ทั้งนี้เพื่อให้คุณได้ใช้กาต้มน้ำไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานอย่างสบายใจ ประหยัดไฟ และปลอดภัยกับทุกคน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *